1. ก้าวแรกสู่การเป็นโปรแกรมเมอร์ ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง?

เราจะเป็นโปรแกรมเมอร์เพื่ออะไร?

จากหัวข้อนี้จะ สำคัญอย่างมาก เพราะเราอยากมาเป็นโปรแกรมเมอร์ก็ต้องมีเหตุผลดีๆ ที่จะ ช่วยกระตุ้นให้เราอยากเรียนรู้ และ มีความสนุกสนาน ในการที่จะเป็นโปรแกรมเมอร์ด้วย

โดยเราอาจจะแบ่งเหตุผลดังนี้

• คิดว่าสามารถสร้างรายได้
• คิดว่าเป็นเรื่องสนุก
• คิดว่าเราเหมาะสมกับทักษะทางนี้

ตรงนี้เราอาจจะมีเหตุผลเพียงเรื่องเดียว หรือทั้งหมดก็ได้ เพราะต่างก็เป็นส่วนสำคัญจุดเริ่มต้นแรกๆ ที่จะทำให้เรา อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ได้

โปรแกรมเมอร์เรียกอย่างไรได้บ้าง

ในทางเทคนิคแล้ว แต่ละคำอาจจะมีบทบาทต่างกันเล็กน้อย แต่ถือว่า สามารถเรียกทดแทนด้วยกันได้ทั้งหมด เช่น

• Coder
• Developer
• Programmer หรือ Computer Programmer
• Software Engineer หรือ Software Developer

ผมส่วนใหญ่จะเรียกว่า โปรแกรมเมอร์ หรือ นักพัฒนาโปรแกรม

โปรแกรมเมอร์ทำอะไรบ้าง?

• หน้าที่หลักๆคือการสร้างและพัฒนา ซอฟต์แวร์ (Software)
• จำเป็นต้องมีการศึกษาและติดตามข่าวสารด้าน เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (Computer Technology)
• อาจจะใช้ความสามารถหลากหลายทางคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะส่วนของ ภาษาโปรแกรม (Programming Language)
• จากนั้นนำความรู้ที่มีทั้งหมด ประยุกต์ใช้งาน ให้เกิดประโยชน์กับสิ่งต่างๆ หรือใช้ร่วมกับอาชีพอื่นๆ

ทำในสิ่งที่เราชอบและถนัด

• การเลือกทำใน สิ่งที่เราชอบและถนัด จะช่วยให้เรามีความสามารถด้านนั้นๆได้ดี
• ดังนั้นเราจึง ควรมีความชอบหรือถนัดในสิ่งที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ด้วย เช่น
  • ชอบการเล่นวิดีโอเกม
  • ชอบค้นดูและใช้งานเว็บต่างๆ
  • ชอบดูสื่อผ่านออนไลน์ และใช้เครื่องมือต่างๆให้เกิดประโยชน์ในโลกออนไลน์
  • เข้าใจวิธีการนำแอปมือถือ หรือโปรแกรมบนคอม มาใช้งานให้เกิดประโยชน์ต่างๆ
  • สามารถศึกษาและใช้งานโปรแกรมซับซ้อนในระดับหนึ่งได้ และไม่รู้สึกยากหรือน่าเบื่อ อย่างการใช้โปรแกรมทำเอกสารและกราฟฟิคแบบง่าย เช่น Microsoft 365 (ชื่อเก่า Microsoft Office) หรือสมัยใหม่แล้วก็จะใช้ Canva มากขึ้น
• อย่างไรก็ตาม บางคนสิ่งที่ชอบก็คือ “เงิน” ขอแค่ทำรายได้ให้เยอะเข้าไว้ ไม่ว่าอาชีพไหนก็อยากทำ ดังนั้นเราก็อาจจะนำเหตุผลนี้ในการเป็นโปรแกรมเมอร์ได้เช่นกัน เพราะสายงานนี้มีรายได้สูงจริง (ตามความสามารถ)

โปรแกรมเมอร์ต้องมีทักษะอะไรบ้าง

จะไล่ลำดับตามความสำคัญ โดยข้อแรกคือสำคัญที่สุด

ภาษาอังกฤษ

• การอ่าน สำคัญที่สุด เพราะการเรียนรู้ผ่านออนไลน์
• การเขียน มีความสำคัญในด้านการเขียนโค้ด เพราะจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเขียนบทความภาษาอังกฤษได้ แค่รู้คำศัพท์พื้นฐานทั่วไป
  • บางครั้งอาจจะเริ่มสำคัญต่อการพูดคุยกับชาวต่างชาติ เช่น สอบถาม และแจ้งปัญหาต่างๆ แต่เราสามารถใช้ Generative AI ในยุคนี้ในการช่วยเขียน โดยแปลจากไทยเป็นอังกฤษ และสั่ง AI ให้ใช้คำพูดที่เหมาะสมร่วมกับตรวจสอบแกรมม่าได้
• การฟัง มีความสำคัญเฉพาะการเรียนรู้ผ่านคอร์สเรียนออนไลน์แบบวิดีโอ
  • อย่างไรก็ตาม หลาย Platform ที่ไว้เรียนออนไลน์ก็มักจะมี Closed Caption (Subtitle) ให้ ที่นำคำพูดภาษาอังกฤษขึ้นแสดงข้อความให้อ่านพร้อมกันได้ ทำให้เราสามารถที่จะใช้ทักษะการอ่านอย่างเดียวได้ เพราะทักษะการฟังค่อนข้างยาก
  • หาก Platform ออนไลน์ที่เราเรียนไม่มีระบบนี้ สามารถเปิด Live Caption ได้
    • วิธีเปิดใช้งาน Live Caption บน Windows
    • วิธีเปิดใช้งาน Live Caption บน macOS
    • วิธีเปิดใช้งาน Live Caption บน Android (ใช้ได้บางเครื่อง)
    • วิธีเปิดใช้งาน Live Caption บน iOS
• การพูด ในกรณีปกติจะไม่มีความจำเป็นใดๆ นอกจากเราจะทำงานกับชาวต่างชาติ
• เนื่องจากข้อมูลในออนไลน์ ส่วนมากจะเป็นภาษาอังกฤษประมาณ 50% ภาษาไทยจะมีเพียง 0.5% เท่านั้น ดังนั้นเราจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาภาษาอังกฤษได้มากกว่าและหลากหลายกว่า จึงจำเป็นต่อการเรียนรู้สูงอย่างมาก
• ไม่ต้องอายที่จะใช้ Google Translate หรือเครื่องมือแปลภาษาอื่นๆ เพราะใครๆก็ใช้กันทั้งนั้น

เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

• ควรเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานหลายอย่าง ส่วนนี้เราสามารถเรียนรู้ผ่าน Wikipedia ได้ ดังลิงก์ที่คอร์สเรียนนี้ได้
• มีความเข้าใจการใช้งานของ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ต่างๆ
• ทักษะการเขียนโค้ด ออกแบบโปรแกรม การนำโปรแกรมไปใช้งานด้วยวิธีต่างๆ

คณิตศาสตร์

• ขึ้นอยู่กับประเภทและความซับซ้อนของโปรแกรม หากมีความซับซ้อนสูงอาจจะมีความจำเป็นต้องเก่งคณิตศาสตร์อย่างมาก
  • โปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสถิติ
  • การสร้างกราฟฟิค และพัฒนาเกมบนคอมพิวเตอร์
  • Cryptography
  • Data Science
  • Machine Learning (ML)
  • Artificial Intelligence (AI)
  • งานวิจัยอื่นๆ
• สำหรับโปรแกรมประเภทอื่นๆ อาจจะไม่ได้ต้องการคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนอะไร เพราะกระบวนการหลายอย่างสามารถเลือกใช้สิ่งที่มีอยู่แล้ว จากการเลือกใช้ Library, Third-party ต่างๆ เช่น
  • สร้างกราฟทางคณิตศาสตร์ด้วย Apache ECharts
  • การเข้ารหัสความปลอดภัยทางคณิตศาสตร์ด้วยการใช้ bcrypt
  • การสร้างแอนิเมชั่นด้วย GSAP

โปรแกรมเมอร์จำเป็นต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง

คอมพิวเตอร์

• อาจจะใช้แค่ Smartphone หรือ Tablet ก็ได้ เพราะทั้งสองตัวนี้จัดว่าเป็น คอมพิวเตอร์
• ควรเป็น Desktop หรือ Notebook (Laptop) เพราะ สามารถต่ออุปกรณ์ที่ซับซ้อนได้มากกว่า เนื่องจากพัฒนาโปรแกรมมักจะเป็นงานที่ต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม เช่น คีย์บอร์ด หรือต่อหลายจอ
• สเปคสูงก็ยิ่งดีเป็นธรรมดา แต่ตามหลักแล้วหากเราต้องการพัฒนาโปรแกรมเริ่มต้นพื้นฐาน เราสามารถเลือกราคาถูกที่สุดก็ทำงานได้
• แต่ละสายงานพัฒนาโปรแกรม จะต้องการประสิทธิภาพต่ำและสูงต่างกันไป ควรศึกษาก่อนเลือกซื้อ เช่น
  • การพัฒนาเว็บ, โปรแกรมประยุกต์ทั่วไป, พัฒนาระบบอย่างง่าย ใช้สเปคคอมทั่วไป
  • การพัฒนาเกม (ขึ้นอยู่กับประเภทเกมด้วย), AI, ML จะ ใช้สเปคคอมสูงอย่างมาก
• บางครั้งถ้าเรามีสเปคคอมไม่ถึง เราสามารถใช้บริการเช่าคอมพิวเตอร์ผ่านออนไลน์ เพื่อรีโมตการใช้งานระหว่างคอมช้าๆของเรา ไปใช้คอมแรงๆแบบชั่วคราวได้เช่นกัน โดยมีค่าใช้จ่ายตามจำนวนเวลาใช้งาน

อินเทอร์เน็ต

• ไม่จำเป็นต้องมีความเร็วสูง แต่ช้าเกินไปก็อาจจะทำให้ทำงานช้าลงได้เช่นกัน
• ส่วนมากใช้เพื่อการศึกษาออนไลน์ ค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาโค้ดที่เราเจอ และการดาวน์โหลดโปรแกรมที่จำเป็น รวมทั้งบางงานก็ต้องการเชื่อมต่อออนไลน์ตลอดเวลา

วิธีการเริ่มต้นเป็นโปรแกรมเมอร์

โดยทั่วไปเราสามารถเรียนรู้การพัฒนาโปรแกรมได้หลายที่ เช่น

• การค้นหาข้อมูลและศึกษาผ่านเว็บออนไลน์ เช่น
  • Google
  • YouTube
  • Wikipedia (ลองเริ่มจากหน้า Computer และค่อยๆศึกษาตามหัวข้อที่สนใจต่อจากลิงก์ในเนื้อหา)
  • GitHub (โดยเฉพาะในส่วนของ Awesome)
  • freeCodeCamp
  • Codecademy
  • CHULA MOOC
  • และแน่นอน เว็บนครโค้ด ของเรา
• หนังสือสอนการพัฒนาโปรแกรมต่างๆ ทั้งแบบ E-book หรือร้านหนังสือในประเทศไทย
• การเข้าเรียน Bootcamp ที่เปิดในประเทศไทย
• การเรียนระดับมหาวิทยาลัย ในคณะและสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น
  • วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (วิศวกรรมซอฟต์แวร์)
  • วิทยาการคอมพิวเตอร์ (วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์)

บทสรุป

ไม่ว่าเราจะอยากเป็น โปรแกรมเมอร์ หรืออะไรก็ตาม ก็ไม่ใช่เรื่องยากมากเพราะเรามีข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ที่มีประโยชน์ในสายอาชีพต่างๆมากมาย จะเป็นที่ตัวเราเองจะต้องกระตือรือร้นในการเรียนรู้เรื่องต่างๆ และค้นหาตัวเองว่าเหมาะกับสิ่งนั้นหรือไม่ เพราะแต่ละคนก็จะมีสิ่งที่ตัวเองถนัด หรือมีสิ่งที่ชอบทำต่างกันไป